วิกฤตใหญ่ทางเศรษฐกิจกำลังก่อตัวขึ้น ธุรกิจจะเตรียมตัวเพื่อรักษาความสามารถทางการแข่งขันอย่างไร
.
มุมของการพัฒนาเพื่อก้าวไปสู่ New S-Curve ใหม่ก็ต้องทำและทำต่อไปเพื่อรองรับ Next Normal ใหม่ ตรงจีนคือ โจทย์ระยะยาวระดับการวาง Vision ขององค์กร
.
ขณะที่การรักษาความสามารถทางการแข่งขัน แท้จริงแล้ว มีแค่ 2 มิติ คือ Cost และ Network(ขยายฐานลูกค้า) ตามกฎของ Morre’s law และ Metcalfe’s law
.
#Cost เมื่อวิกฤตจะมา สิ่งสำคัญคือ เราจะคอนโทรลต้นทุนได้ดีแค่ไหน ควบคุมให้ต้นทุนไม่บวมจนกลายเป็นเนื้อร้ายของปัญหาที่ลามไปสู่การเกิดปัญหาการขาดกระแสเงินสดได้หรือไม่ เพราะนั่นคือ จุดที่บริษัทต้องก่อหนี้เพื่อหาเงินมากมุนและมันจะหนักจนพังทลายหากเกินขึ้นในช่วงใกล้วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ กรือเศรษฐกิจขาลง
.
ความสามารถทางการแข่งขันด้านต้นทุน จึงพวงไปถึงเทคโนโลยี ความสามารถในการผลิต เช่น Economies of scale, scope and speed ทำได้ดีแค่ไหน ถ้าทำได้ ต้นทุนจะอยู่มนระดับที่มีประสิทธิภาพ หลายๆ บริษัทที่ลงทุนด้านคนและเทคโนโลยี ก็เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความสามารถ ทำให้เกิดกฎของ Moore’s Law อธิบายง่ายๆ คือ จากเดิมผลิต 100 บาท ได้ของ 1 ชิ้น เป็น ผลิต 100 บาท ได้ของ 2 ชิ้น เรียกง่ายๆ ว่า Productivity
.
#Network (ขยายฐานลูกค้า)อีกความสามารถคือ ธุรกิจมีความสามารถในการ Growth and Scale ได้แค่ไหน ผ่านการขยายฐานลูกค้า ตรงนี้วัดกันว่าธุรกิจออกแบบแนวทสงการสร้าง Network หรือขยายเครือข่ายต่างๆ เพื่อทำให้เกิดการเข้าถึงของลูกค้าที่มากขึ้น
.
บางธุรกิจ เช่น 7-Eleven มีการขยายสาขามากๆ เพื่อเช้าถึงกลุ่มลูกค้า สร้างโอกาสในการขยาย แน่นอนการเพิ่มสาขามีต้นทุน ธุรกิจจึงอาจเลือกขยายเครือข่ายสาขาด้วยการทำแฟรนไชส์ ก็ทำให้ต้นทุนการขยายเครือข่ายลดลงมาในระดับนึง แถมการมีเครือข่ายสาขามากๆ ก็เพิ่มพื้นที่สต็อกสินค้าใกล้ตลาด ทำให้มีพื้นที่เก็บมากพอ ด้านฝ่ายผลิตของแต่ละสินค้าก็สามารถทำ Economies of scale ทำให้ต้นทุนสินค้าต่ำลงได้อีก (ได้ประโยชน์ไปยันด้านต้นทุน)
.
ลองดูอีกเคส ร้านขายเสื้อผ้า แบรนด์เครื่องสำอางออนไลน์ ในข่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา พอเข้าตลาดออนไลน์ ขายผ่านเฟสบุ๊ค นั่นคือการเพิ่มความสามารถด้าน Network ในการขยายฐานลูกค้า ทำให้เกิดรายได้เติบโตหรือ Growth ขึ้นทันที เมื่อขายดีก็สามารถเพิ่มสต็อกเสื้อผ้าได้ หรือเลือกเปิดไลน์ผลิตของตนเอง ก็เพื่อทำให้ต้นทุนต่ำลงไปอีก เพราพ Network ขยายได้ดีแล้วย่อมเท่ากับรายได้ดีขึ้น เติบโตขึ้น
.
Cost และ Network จึงสัมพันธ์กันอย่างเลี่ยงไม่ได้ทั้งในทางทฤษฎีและทางปฏิบัติ และมันคือแก่นของการแข่งขันทางธุรกิจ ไม่ว่าคุณจะพัฒนาสินค้าให้ดีแค่ไหน ผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรม คุณกระทำก็เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาด นั่นคือ เพิ่มโอกาสของ Network ขยายฐานลูกค้า และกระทำเพื่อลดต้นทุน เพราะเทคโนโลยีและนวัตกรรมเมื่อถึงจุดที่เหมาะสมต้นทุนจะต่ำลง
.
ความสามารถทางการแข่งขันไมาว่าจะพูดถึงมิติอะไร ผู้บริหาร เงินทุน เทคโนโลยี นวัตกรรม การบริหาร หรือคน บลาๆ ทั้งหมดมีก็เพื่อทำให้แก่นของความสามารถทสงการแข่งขัน Cost และ Network มีประสิทธิภาพมากขึ้น
.
ในฐานะของที่ปรึกษาและเจ้าของธุรกิจ บางครั้งแผนสวยหรู วิเคราะห์มิติหลากหลาย แต่อย่าลืมเข้าใจแก่นว่า แท้จริงแล้วธุรกิจมันก็แข่งขันกันแค่ Cost and Network ทุกกลยุทธ์แท้จริงแล้วก็มุ่งหวังไปที่ Cost and Network ฉะนั้นอย่าโดนคู่แข่งขันเค้าหลอกให้วิ่งตาม
.
ดร.ทอย ปุญญภณ เทพประสิทธิ์
MVP Consultant